วิธีการเลือกเพศลูก ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์

16218
แบ่งปัน

เชื่อหรือไม่คะ ว่าเราสามารถเลือกเพศของลูกเราได้ วันนี้ดิฉันมี วิธีการเลือกเพศลูก ด้วยตัวเราเองมาฝากกันค่ะ หลายคนเชื่อว่า การมีลูก กำหนดเพศไม่ได้ นอกจากไปพึ่งแพทย์ ใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วย เหมือนเด็กหลอดแก้ว อะไรประมาณนั้น แต่อันที่จริงแล้ว เราสามารถเพิ่มโอกาส หรือช่วยเลือกเพศลูกของเราได้ โดยพ่อและ แม่ เป็นคนจัดการเอง โดยไม่ต้องไปปรึกษาแพทย์เลย เพราะว่า เพศของลูกน้อย ที่จะเกิดขึ้นมานั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้ออสุจิ ที่เข้าไปผสมกับไข่ แม้มันจะมีจำนวนมาก แต่ก็ยังมี วิธีการเลือกเพศของลูก ที่ช่วยกำหนดโอกาสรอดของชนิดอสุจิ ที่เราต้องการได้ โดยไม่ต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย ก่อนอื่น คงต้องทำความรู้จักกับ ชนิดของเจ้าอสุจิกันเสียก่อน ว่าจริงๆ แล้ว มันมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ X และ Y ซึ่งแตกต่างกันที่ลักษณะ และสารพันธุกรรม ที่อยู่ภายในนิวเคลียส หรือที่หัวกลมๆ ของเจ้าอสุจินี่แหละค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะอธิบายง่ายๆ ให้เห็นภาพ และได้เข้าใจกัน มันเป็นเรื่องของ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเป็นเรื่องของทางพันธุกรรมนะคะ อย่ามองว่าเป็นเรื่องลามกแต่อย่างใด

วิธีการเลือกเพศลูก ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์

อสุจิชนิด X จะมีขนาดใหญ่ และเคลื่อนไหวช้ากว่า Y และมีชีวิตยืนนานกว่า อสุจิชนิด Y ในส่วนไข่ของแม่นั้น จะมีชนิดของโครโมโซมเป็นชนิด X ดังนั้นถ้าเกิดการผสมกันโดยตัวอสุจิชนิด X ก็จะได้ลูกสาว แต่ถ้าผสมกันโดยตัวอสุจิชนิด Y ก็จะได้ลูกชาย ตามสมการนี้

คุณแม่ต้องรู้  อายุครรภ์ 2 สัปดาห์ ควรดูแลตัวเองและ ทารกในครรภ์ อย่างไร

X (แม่) + Y (พ่อ) = ลูกชาย

X (แม่) + X (พ่อ) = ลูกสาว

สิ่งที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของอสุจิ ที่จะทำให้ชนิดไหนเข้าถึงไข่ก่อนนั้นก็คือ ภาวะความเป็นกรด ซึ่งมีความสำคัญต่อตัวอสุจิชนิด Y มาก เพราะจะยับยั้งการเคลื่อนไหว และทำให้มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตัวอสุจิ X จึงได้เปรียบ ส่วนในสภาวะที่เป็นด่าง จะไม่มีผลอะไรต่อเชื้ออสุจิทั้ง 2 ชนิดนี้เลย แต่เนื่องจาก อสุจิชนิด Y มีขนาดเล็กกว่า จึงเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า และมีโอกาสไปถึงไข่ได้ก่อน

คำแนะนำ วิธีการเลือกเพศลูก

สำหรับคำแนะนำของผู้ที่อยากได้ลูกสาว ก็คือ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนการตกไข่ ประมาณ 2 – 3 วัน เนื่องจากในขณะนั้น สภาวะในช่องคลอด จะมีสภาพค่อนข้างเป็นกรด เกื้อกูลต่อการดำรงชีวิตของอสุจิชนิด X แต่เป็นผลเสียกับ ชนิด Y ทำให้อสุจิชนิด X มีโอกาสได้ผสมกับไข่ มากกว่า ตัวอสุจิชนิด Y หรือถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น หรือชัวร์กว่านั้น ก็ให้ใช้สารที่เป็นกรดอ่อนๆ เช่นกรดน้ำส้ม ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร ทำการล้างช่องคลอด ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ รับรองว่า ได้ลูกสาวแน่นอนค่ะ

ส่วนผู้ที่อยากได้ลูกชาย ก็ให้มีเพศสัมพันธ์หลังการตกไข่ไปแล้ว อย่ามีเพศสัมพันธ์บ่อย ในช่วงการที่คุณแม่จะตกไข่ นั่นก็เพื่อเป็นการประหยัดอสุจิชนิด Y และสะสมให้มีปริมาณมากๆ เข้าไว้ เพราะอย่างที่บอกไปแล้ว อสุจิชนิด Y นั้น ตัวเล็ก และมีอายุสั้นกว่า X และพยายามให้เชื้ออสุจิเข้าไปให้ลึก (อันนี้ศึกษากันเอาเองนะคะว่าต้องใช้ท่าไหนยังไง วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ค่ะ ไม่ใช่เรื่องลามก) เพื่อให้สามารถเข้าไปถึงปากมดลูกได้เร็วที่สุด เป็นการย่นระยะทาง ที่อสุจิชนิด Y ต้องเดินทาง และเหมือนเดิม ถ้าต้องการความชัวร์ยิ่งขึ้น ก็ควรล้างช่องคลอดด้วยสารที่เป็นด่าง ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มสภาวะที่เกื้อกูลให้กับอสุจิชนิด Y มากยิ่งขึ้น โดยอาจใช้ โซดาไบคาร์บอเนต ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงนำมาล้างได้

คุณแม่ต้องรู้  วิธีแก้ปัญหา ท้องผูกในช่วงตั้งครรภ์ กินยังไง ไม่ให้ท้องผูก

ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าต้องการลูกแฝดล่ะ ต้องทำอย่างไรนั้น ต้องเข้าใจกันก่อนว่า การจะมีลูกแฝดได้นั้น มีโอกาสเพียง 1 ใน 80 เลยนะคะ แต่จะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น ถ้ามีกรรมพันธุ์ คือคนในตระกูลเคยมีแฝด หรือ มีเชื้อสายของแอฟริกา หรือ อินเดียตะวันตก โดยทั่วไปแล้ว ฝาแฝดจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แฝดแท้ กับแฝดเทียม สำหรับแฝดแท้นั้น ก็เกิดจาก ไข่ 1 ใบ กับ อสุจิ 1 ตัว แล้วแบ่งตัวอ่อนออกเป็น 2 สอง ทำให้เด็กที่เกิดมา มีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะๆ ส่วนแฝดเทียมนั้น เกิดจากความผิดพลาด ที่บังเอิญมีไข่ตกมา 2 ใบ และทั้งสองใบ ก็ได้รับการผสมจากอสุจิทั้ง 2 ตัวด้วย เรียกง่ายๆ ว่า ได้ทารก 2 คนว่างั้น หน้าตาก็จะไม่เหมือนกัน นิสัยก็จะไม่เหมือนกัน แค่อยู่ในมดลูกเดียวกัน และเกิดพร้อมๆ กันก็แค่นั้นเองค่ะ โอกาสในการเกิดแฝดแท้ จะมีน้อยกว่า แฝดเทียมพอสมควรเลยค่ะ

คุณแม่ต้องรู้  วัคซีนเด็ก เรื่องใหญ่ ที่ห้ามมองข้าม

การเข้าใจเรื่อง วิธีการเลือกเพศลูก ที่ดิฉันกล่าวมานี้ จะช่วยให้ พ่อ และ แม่ สามารถกำหนดได้ หรือ เลือกเพศลูก ที่จะเกิดมาได้ ว่าอยากได้ลูกสาว หรือลูกชาย แม้จะไม่ 100% แต่มันก็เป็นการเพิ่มโอกาส และความน่าจะเป็นให้มีสูงมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเข้าใจเรื่องนี้ ก่อนที่จะวางแผน ตั้งครรภ์ แล้วล่ะก็ ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาส ในการเลือกเพศได้สูงมากขึ้น แต่อันที่จริงแล้ว ลูกเราจะเพศไหน เราก็รักเหมือนกันใช่มั้ยคะ หลายคนสมัยนี้ ชอบพูดติดตลกว่า ไม่ต้องไปอัลตร้าซาวน์ เพื่อดูเพศลูกที่จะเกิดหรอก เพราะพอเค้าโตขึ้น เค้าก็เลือกเพศของเค้าเองอีกรอบนึงแหละ (ขำๆ นะคะ อย่าคิดมาก) ดิฉันโดนแซวแบบนี้เป็นประจำแหละค่ะ เป็นการแซวปกติของคนสมัยนี้ แรกๆ ก็เคืองๆ นะคะ แต่เดี๋ยวนี้ชินซะแล้ว จะเป็นอะไรยังไง ก็ลูกเรา ขอแค่เค้าเป็นคนดีก็พอ จริงมั้ยคะ ???