ความหวานในอาหาร ระหว่างตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ คุณแม่มือใหม่ ทุกคน ต้องทำความเข้าใจให้มาก เพราะในปัจจุบัน มีการเผยแพร่ข้อมูลในวงกว้าง เกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่า ถ้าคุณแม่ ดื่มนมวัวมากๆ ในช่วงที่ ตั้งครรภ์ จะทำให้ลูกที่เกิดมา มีเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้ คุณแม่มือใหม่ หลายคน หันมาดื่มนมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ หรือ น้ำมะพร้าว แทนนมวัว โดยที่ไม่รู้ว่า เครื่องดื่มเหล่านี้ แฝงไปด้วยอันตราย ต่อสุขภาพของคุณแม่ มากแบบสุดๆ จนอาจทำให้เป็น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้เลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยมีการเอาข้อเสีย ของเครื่องดื่มเหล่านี้ มาเผยแพร่กัน จะมีก็แต่ การเอาข้อดีของ น้ำมะพร้าว และนมถั่วเหลือง มาเผยแพร่กันเป็นหลัก ว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งๆ ที่ มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งก็อยู่ที่ความเข้าใจของตัวคุณแม่ และปริมาณ ที่ดื่มเข้าไป
ความหวานในเครื่องดื่มเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณแม่ส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยคำนึงถึง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น น้ำเต้าหู้ ถ้าไม่ใส่น้ำตาลเลย รับรองว่า ดื่มได้ยากแน่นอน เพราะรสชาติของมันจะจืดมากๆ และมีกลิ่นถั่วเหลืองด้วย ( ถ้าใส่ใบเตยน้อยไป ) จำเป็นอย่างมาก ที่ต้องเติมน้ำตาลลงไป เพื่อให้มีรสชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว กว่าจะทำให้มีรสชาติหวานขึ้นมาได้นั้น ก็ต้องใส่ลงไปเยอะมากเลยทีเดียว กว่าจะรู้สึกว่า หวานอร่อยดีแล้วนะ นี่ยังไม่พูดถึง น้ำมะพร้าว ที่มีรสชาติหวานธรรมชาติอยู่แล้ว บางคนคิดว่า น้ำมะพร้าว มันช่วยบำรุงครรภ์ และทำให้คลอดง่าย เลยดื่มซะเยอะ ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือด พุ่งปรี้ดเลยทีเดียว ก็กลายเป็น โรคเบาหวาน ได้ง่ายๆ เช่นกัน
ความหวานในอาหาร ระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายแค่ไหน?
เครื่องดื่มยอดนิยมของคุณแม่ ในระหว่างตั้งครรภ์ ทั้ง น้ำมะพร้าว และ นมถั่วเหลือง นั้น แม้จะมีประโยชน์อย่างมากมาย แต่น้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มเหล่านี้ คือสิ่งอันตราย ต่อสุขภาพของคุณแม่ ในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นอย่างมาก นอกจากจะทำให้ น้ำหนักตัวของคุณแม่ เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติแล้ว ยังทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ในปริมาณที่สูง จนอาจทำให้เป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ ทารกในครรภ์ อย่างแน่นอน เพื่อให้เห็นภาพ เอาแบบนี้ก็แล้วกันค่ะ โดยปกติแล้ว ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ แค่เดือนละ 1.5 – 2 กก. เท่านั้น หรือ สรุปไปเลยว่า ในช่วง 9 เดือน สามารถมีน้ำหนักตัว เพิ่มขึ้นมาได้แค่ 12 กก. เท่านั้น ห้ามมากกว่านี้
แต่ในกรณีที่ คุณแม่ ดื่มน้ำมะพร้าว ทุกวัน วันละ 2 แก้ว ขึ้นไป อาจทำให้คุณแม่ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้มากถึง เดือนละ 4 กก. และอาจจะทำให้ น้ำหนักตัวโดยรวม ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นได้มากถึง 20 – 25 กก. เลยทีเดียว ซึ่งนับว่า อ้วนมากๆ เลยนะคะนั่น ซึ่งถ้าน้ำหนักเพิ่มมากขนาดนั้นแล้วล่ะก็ รับรองว่า ต้องเป็น เบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ อย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งถ้าลูกไม่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป จนคลอดไม่ได้ คลอดยาก หรืออาจมีภาวะแทรกซ้อน ระหว่างคลอดได้เลยนะคะ
วิธีการแก้ปัญหา ความหวานในอาหาร ระหว่างตั้งครรภ์
ไม่ยากเลยค่ะ ก็แค่งดการกินแป้ง และของที่มีรสชาติหวาน แค่นั้นเองค่ะ แค่ผลไม้ต่างๆ นี่ก็มีความหวานมากเพียงพอกับความต้องการแล้ว ไม่ควร “ตามใจปาก” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงหลังจากเดือนที่ 5 ไปแล้ว ควรจะระวัง เรื่องการกินให้ดี เพราะจะทำให้อ้วนได้ง่ายมากๆ และน้ำหนักส่วนใหญ่ จะไปอยู่ที่แม่ มากกว่าไปที่ทารก เรื่องของ น้ำมะพร้าว ก็ควรทานแต่น้อย แต่ทุกวัน อันนี้ ก็โอเคค่ะ ส่วนนมถั่วเหลืองนั้น แนะนำให้ทำ น้ำเต้าหู้ ดื่มเองที่บ้าน จะดีที่สุด เพราะเราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาล ที่เราจะใส่ลงไปได้ หรือถ้าไปซื้อตามร้าน ก็ต้องบอกว่า ไม่ใส่น้ำตาล เอาน้ำเต้าหู้เพียวๆ แบบนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ
จากที่เคยเล่าไปแล้ว แอดมินเอง ก็เคยโดนตรวจน้ำตาลอยู่หลายครั้ง และครั้งสุดท้าย ผลก็ออกมาว่า มีความเสี่ยง คือ ปริมาณน้ำตาลในเลือด ค่อนข้างจะสูงมากไปหน่อย คือถ้าสูงกว่านี้อีกนิด ก็จะเข้าเกณฑ์เป็นโรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ แล้วค่ะ พอมาในท้องสองนี้ แอดมินเอง จึงได้ระมัดระวัง เรื่องของอาหารต่างๆ ที่จะทานเข้าไป มากเลยทีเดียว ( มีประสบการณ์จากท้องแรกไปแล้ว ) โดยลดการรับประทานแป้ง และมาเน้นที่ ผัก และผลไม้แทน อีกอย่างหนึ่ง ในช่วง 1 – 3 เดือนแรก จะเป็นช่วงที่อึดอัด และทานอะไรไม่ค่อยได้มาก เพราะจะอืดท้องบ่อย และมีลมในท้องเยอะ ยิ่งถ้ากินอาหารประเภทแป้ง หรือ โปรตีนเข้าไป ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แต่ถ้ากินผัก หรือผลไม้ จะโอเคมากๆ ค่ะ
อย่าลืมนะคะ น้ำมะพร้าว อย่าดื่มเยอะนะคะ ส่วนน้ำเต้าหู้ ถ้าทำเองได้ จะดีมากๆ ( ซึ่งจริงแล้ว ก็ทำเองได้ ไม่มีอะไรยากค่ะ แค่ปั่นๆ แล้วก็เอามาต้ม แค่นั้นเอง ) ระมัดระวัง เรื่องของความหวาน ในอาหารในมากๆ นะคะ ถ้าเป็น เบาหวาน ในระหว่างตั้งครรภ์ ขึ้นมาแล้ว มันแก้ไข หรือรักษาได้ยากมากๆ ค่ะ
