จะพา ลูก ไป ฉีดวัคซีนเด็ก ที่ไหนดี

23865
แบ่งปัน

คำถามง่ายๆ แต่ตอบได้ยาก สำหรับ คุณแม่ หลายๆ คนที่ยังขาดข้อมูล หรือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะพา ลูกรัก ของเราไป ฉีดวัคซีนเด็ก ที่ไหนดี วันนี้ดิฉัน จะนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ วัคซีนที่ว่านี้ เป็น วัคซีนเด็กเล็ก นะคะ ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึง 3 – 4 ขวบ เลยนะคะ และด้วยความที่เป็น เด็กเล็ก จึงมีความจำเป็นมาก ในการเลือก โรงพยาบาลที่บริการดี มีการจัดเตรียมสถานที่ สำหรับแผนก กุมารเวช ที่ดีเพียงพอ อันนี้เชื่อว่า คุณแม่มือใหม่ หลายๆ คน คงยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีประสบการณ์ การเลือก โรงพยาบาลผิด ไปโรงพยาบาลที่บริการแย่ สถานที่หรือการจัดแผนกเด็ก หรือกุมารเวช ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมโรคติดต่อที่ดีพอ ย่อมเป็นการ นำพา ลูกน้อย ของเราให้เข้าไปสู่ การติดเชื้อ เพิ่มความเสี่ยงในการป่วยให้มีมากขึ้นไปอีก เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้น ดิฉันจะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาให้ฟังค่ะ เพื่อทุกท่าน จะได้เห็นภาพ และเกิดความเข้าใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดิฉันได้พา น้องเนปจูน ไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเสมอ เนื่องจากมีการจัดเตรียมสถานที่ดี และบริการที่ดี บริการที่ดีนี่คือ ไม่ใช่ว่าจะต้องเร็วมาก ไปถึงได้ตรวจเลย หรืออะไรประมาณนี้นะคะ แต่มีการดูแลเอาใจใส่ พยาบาลพูดดีๆ กับเรา ทำดีๆ เบาๆ กับลูกเรา หมอให้คำปรึกษาดี อธิบายให้เกิดความเข้าใจจริงๆ อาจจะต้องมีรอบ้าง ก็เข้าใจได้ แต่ไม่ทุกครั้ง วันไหนคนเยอะ ก็อาจมีรอบ้าง แต่ไม่ช้าเท่าโรงพยาบาลทั่วไปแน่นอน ก็ไม่เคยมีปัญหา อาจจะต้องควักเงินจ่ายค่าบริการ และค่ายาในราคาที่แพงหน่อย ค่าบริการส่วนใหญ่แล้ว จะแพงกว่าค่ายาเยอะ แต่มันคุ้มหรือไม่ ลองอ่านต่อไปนะคะ

ฉีดวัคซีนเด็กเล็ก ให้ ลูก ที่ไหนดี

จนมาวันหนึ่ง ดิฉันได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่าให้ลองไป โรงพยาบาลของรัฐ อีกแห่งหนึ่งดูสิ ตอนนี้เค้าได้สร้างตึกใหม่เสร็จแล้ว มีการจัดแจงสถานที่ดี ดูสะอาด และน่าใช้งานกว่าเดิมเยอะ ดิฉันก็ไม่อยากไปแต่ก็นะ ท่านแนะนำมา เราก็ควรลองไปสักครั้ง ก็เลยลองพา น้องเนปจูน ไปฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาลดู สำหรับวัคซีน ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้ มีความจำเป็นต้องฉีดนะคะ โดยใน เด็กเล็ก จะต้องทำการฉีด 2 ครั้งด้วยกัน โดยเข็มที่ 2 จะห่างจากเข็มแรก เป็นระยะเวลา 1 เดือนค่ะ ก็เลยลองพา ลูก ไปดูสักครั้งว่าจะบริการเป็นอย่างไร

คุณแม่ต้องรู้  ให้ลูกวิ่งเล่น ในสนามหญ้าทุกวัน ช่วยในเรื่องของพัฒนาการได้มากกว่าที่คิด

เริ่มตั้งแต่ยื่นบัตร ( บัตรของน้องเนปจูน คุณพ่อไปทำเอาไว้ให้นานแล้ว สามารถยื่นใช้ได้เลย ไม่ต้องทำบัตรใหม่ มีแฟ้มประวัติเรียบร้อยแล้ว ) ยื่นบัตรไปแล้ว ต้องคอยนานมาก นานกว่า 30 นาที เหตุผลเพราะอะไร คือขั้นตอนการหาแฟ้มนั้น หาเจอเรียบร้อยแล้ว แปบเดียวก็เจอ เพราะเป็นตอนเที่ยงแล้ว คนไข้อื่นๆ มีน้อย อ้อ ลืมบอกไปว่า ก่อนหน้านี้ คุณพ่อน้องเนปจูน เค้าได้มาถามแล้วว่า ต้องมากี่โมง เพื่อจะมา ฉีดวัคซีนเด็ก ทางพยาบาลในแผนกนั้น ก็บอกว่า ให้มาในตอนเที่ยงพอดี ส่วนวันไหนนั้น ดิฉันไม่ขอเปิดเผยค่ะ เพราะถ้าเปิดเผยไป จะรู้ทันทีว่า เป็นโรงพยาบาลไหน ไม่อยากมีปัญหา เอาเป็นว่า ต้องไปถึงตอนเที่ยงพอดี ดิฉันก็ไปยื่นบัตรตอน 11 โมงครึ่ง กะว่าคงใช้เวลาหาแฟ้มประวัติและอื่นๆ สักครึ่งชั่วโมง แล้วคงขึ้นไปหาที่แผนก กุมารเวช ได้ตอนเที่ยงพอดี ปรากฏว่า มันไม่เป็นไปตามนั้นค่ะ ทางแผนกเวชระเบียน เค้าหาแฟ้มเจอแล้ว แต่ดองเอาไว้ค่ะ เค้าอ้างว่า ขึ้นไปรอข้างบนมันร้อน รออยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า งงมั้ยค่ะ หาแฟ้มเจอแล้ว ทำไมไม่รีบให้คนไข้ถือขึ้นไป จะได้รีบหาหมอ รีบฉีดวัคซีน แล้วรีบกลับ นี่เด็กเล็กนะคะ

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ก็ได้รับแฟ้ม ซึ่งได้รับพร้อมๆ กันกับคุณแม่คนอื่นเลยนะคะ คือได้รับพร้อมกันเป็นหมู่คณะ ขึ้นลิฟต์ไปพร้อมๆ กัน 5 – 6 คน ทั้ง เด็กเล็ก เด็กโต การมาก่อน หรือมาทีหลัง ไม่มีผลเลยนะคะ มาก่อน ก็ต้องมานั่งรอที่แผนกเวชระเบียน เค้าก็เอาแฟ้มมารวมๆ กันไว้จนกว่าจะได้เป็นกลุ่ม แล้วค่อยมอบแฟ้มให้ทีเดียว มาก่อนก็ไม่มีผลนะคะ อันนี้ความห่วยอย่างแรกนะคะ ต่อมา เมื่อขึ้นไปที่แผนกกุมารเวชแล้ว สิ่งที่พบก็คือ ที่นั่งรอ หน้าห้อง กุมารเวชนั้น เป็นที่นั่งรอเดียวกับ ผู้ป่วย ของแผนก หู ตา คอ จมูก น่ากลัวมั้ยค่ะ คนที่ป่วยเป็นโรคคอ และ จมูก คือคนที่มีปัญหา และมักจะเกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ แล้วให้เด็กๆ มานั่งรอในโซนเดียวกันเนี่ยนะคะ แถมไม่ใช่ห้องแอร์อีก ถือเป็นความห่วยอย่างที่ 2 ดิฉันอุ้มลูกเดินเข้าไป ตอนนั้นคนไม่เยอะ พยาบาลถามว่า มาทำอะไรคะ ดิฉันตอบว่า พาน้องมาฉีดวัคซีนค่ะ เค้าก็บอกว่า ออกไปรอข้างนอกค่ะ ข้างในเป็นที่นั่งรอของเด็กป่วย งงมั้ยคะ ที่นั่งด้านใน เป็นแอร์เย็น แต่ให้เด็กป่วยมานั่งรอ ส่วนข้างนอก เป็นที่ร้อน ไม่มีแอร์ เปิดพัดลม ก็เป็นการเป่าลมร้อน ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ แต่ให้ เด็กเล็ก ที่ไม่ได้นั่งป่วย ออกมานั่งรอ ถือเป็นความห่วยมาก อย่างที่ 3

คุณแม่ต้องรู้  6 สัญญาณบ่งบอกว่า ลูกฉลาด และมีพัฒนาการทางสมอง และเรียนรู้เร็ว

นั่งรอนานมากค่ะ เด็ก ที่มารอ ฉีดวัคซีนเด็ก ก็มากขึ้นๆ รวมๆ แล้วทั้งพ่อแม่ และลูก ก็ปาเข้าไป 30 กว่าคน ทั้งเด็กเล็ก และ เด็กโต แต่เด็กโตจะมีจำนวนมากกว่า เด็กเล็ก ก็มีแบบแรกเกิดก็มีค่ะ นี่มันอะไรกันคะเนี่ย อันตรายมากๆ เลย เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจมาก สักพักพยาบาลก็ทยอยเรียกเข้าไปชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูง พร้อมกับซักถามว่า ทำไมถึงมาฉีดวัคซีนที่นี่ ทำไมไม่กลับไปฉีดที่โรงพยาบาลเอกชนเดิมที่เคยไป แล้วก็ขอดูสมุดประวัติการฉีดวัคซีนของน้อง ดิฉันก็อธิบายไปว่า ลองมาฉีดที่นี่ดูเป็นครั้งแรกค่ะ เสร็จแล้วด้านหน้าห้อง ก็เริ่มมีการเอาไมค์พร้อมเครื่องขยายเสียง มาพูดอะไรก็ไม่รู้ พยาบาลคนดังกล่าว ก็ไล่ดิฉันให้ออกไปจากห้องแผนกเด็ก ที่เป็นแอร์ ให้ออกไปรอข้างนอก แล้วออกไปฟังที่พยาบาลอีกคนจะพูดผ่านเครื่องขยายเสียง ดิฉันก็งงว่า อ้าวแล้วเมื่อไหร่จะได้หาหมอ แล้วทำไมต้องไล่ให้ไปฟัง

จะพา ลูก ไป ฉีดวัคซีนเด็ก ที่ไหนดี
แผนกกุมารเวช ที่ดี ควรจะมีลักษณะเป็นแบบนี้

เรื่องที่พยาบาลออกมาพูดผ่านเครื่องขยายเสียงก็ไม่มีสาระสำคัญอะไร เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแล ลูก หลังจากได้รับวัคซีน ไม่มีอะไรใหม่ อธิบายว่า วัคซีนคืออะไร ดิฉันรู้หมดทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ และเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ที่พาลูกมาก็รู้ เพราะอย่างทีบอกไป ส่วนใหญ่เป็นเด็กโต มี 2-3 คนเท่านั้น ที่เป็น ทารกแรกเกิด ดิฉันดูแล้วว่า คงเป็นการถ่วงเวลาแน่ๆ เพราะได้ยินว่า คุณหมอยังไม่มา ไม่มีใครได้ตรวจเลย ขณะนั้นเวลาประมาณ 13.30 คือดิฉันมาถึงตั้งแต่ 11.30 เท่ากับว่า ผ่านไป 2 ชม. แล้ว ดิฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากแค่ ชั่งน้ำหนัก กับวัดส่วนสูงลูก อากาศก็ร้อน คนก็เยอะ โอกาสติดเชื้อก็สูง ดิฉันไม่ได้พารานอย (paranoid) นะคะ จริงอยู่ค่ะว่าเด็กที่มาฉีดวัคซีนคนอื่น คงไม่ได้ป่วย เพราะข้อห้ามของการพา ลูก มาฉีดวัคซีน ก็คือ ต้องไม่ป่วย มีไข้ หรือไม่สบาย ร่างกายต้องแข็งแรง ก่อนที่จะได้รับวัคซีน แต่ตัวพ่อแม่ หรือคนที่พามาล่ะคะ เค้าอาจจะแค่เจ็บคอ แค่ไอออกมา ก็แพร่เชื้อให้ เด็ก หลายคนได้แล้วนะคะ ผู้ใหญ่เรา ไม่จำเป็นต้องล้มป่วย ก็แพร่เชื้อให้เด็กได้นะคะ แค่รู้สึกเจ็บคอ หายใจรดเด็ก เด็กก็ติดเชื้อ แล้วก็ล้มป่วยหนักได้นะคะ นั่นเพราะว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เด็กเล็ก ยังไม่สมบูรณ์และแข็งแกร่งเท่ากับของผู้ใหญ่อย่างเรา แค่ได้รีบเชื้อเล็กน้อย ก็ป่วยมากได้แล้ว

คุณแม่ต้องรู้  วิธีนับ อายุครรภ์ ว่าตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้ว

ด้วยความห่วยแตกของโรงพยาบาลนี้ ดิฉันจึงตัดสินใจ เดินไปที่เค้าเตอร์ของแผนกกุมารเวชนั้น แล้วขอสมุดประวัติการฉีดวัคซีนของน้องเนปจูนคืนมาค่ะ แล้วดิฉันก็กลับบ้านเลยค่ะ ไม่ฉีดแล้ว พอกันที กับโรงพยาบาล ที่ห่วยแตกแบบนี้ ห่วยทุกเรื่อง ตั้งแต่การจัดแผนกกุมารเวช มีที่ไหน ที่จัดให้ ที่นั่งพักรอ สำหรับเด็ก ใช้พื้นที่โซนเดียวกับผู้ป่วย ที่จะมารับการรักษาที่แผนกหู ตา คอ จมูก บ้าหรือเปล่าคะ ทำเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน เกี่ยวกับการควบคุมโรค และแยกผู้ป่วยเลยนะคะ ไม่เท่านั้น ที่นั่งพักรอของเด็กป่วย ดันเป็นในห้องแอร์ เด็กที่ไม่เป็นไร ไปรอข้างนอก ร้อนๆ บ้าหรือเปล่าคะ คิดถึงเด็กเล็กบ้างมั้ยค่ะ เวลาเค้าเจออากาศที่ร้อนมาก หรือเย็นมากไป ก็มีโอกาสที่เค้าจะไม่สบายได้นะคะ นี่เป็นแผนกกุมารเวชจริงๆ หรือเปล่า ห่วยกว่าคลินิกทั่วไปอีกนะเนี่ย ทำไมไม่ทำออกมา 2 ห้อง เป็นห้องพักรอ สำหรับเด็กป่วยห้องนึง กับห้องพักรอ สำหรับเด็กปกติ ที่ไม่ป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจอีกห้องนึง ดิฉันเชื่อว่า ทางโรงพยาบาลเค้ารู้ แต่เค้าไม่สนใจ เปลืองงบประมาณของเค้ามั้ง ดิฉันกลับไปฉีดที่โรงพยาบาลเอกชนเดิมที่เคยไป ฉีดวัคซีนเด็ก ประจำดีกว่าคะ และจะไม่เชื่อคำแนะนำจากใครอีกแล้ว

จากที่ได้เล่ามา แม้จะยาวไปหน่อย แต่ดิฉันก็อยากจะให้เห็นภาพ และเกิดความเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว โรงพยาบาลใหญ่ของรัฐ ก็ใช่ว่าจะบริการ และจัดสถานที่ หรือดูแลลูกเราดีเสมอไป ยอมเสียเงินมากขึ้นสักนิด ใช้วัคซีนคุณภาพดีๆ สำหรับเรื่องของ วัคซีนเด็กเล็ก แนะนำให้อ่านบทความที่ดิฉันได้อธิบายไปแล้วใน วัคซีนเด็ก ลงทุนเท่าไหร่ก็ยอม เพื่อให้ ลูก ของเราได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ มีผลข้างเคียงน้อย เจอกับสถานที่ ที่ได้รับการจัดไว้อย่างดี ไม่ร้อนมากไป ไม่ต้องรอนาน และได้รับการบริการที่มีคุณภาพจะดีกว่าค่ะ ดิฉันแนะนำว่า ให้ไปโรงพยาบาลเอกชน หรือไม่ถ้าเป็นในต่างจังหวัด ก็คลินิกดีกว่าค่ะ แต่หาข้อมูลนิดนึงนะคะ ว่าที่ไหนดีสุด เพราะโรงพยาบาลเอกชนทุกโรงพยาบาล ใช่ว่าจะดีทั้งหมด มันก็มีดี มีไม่ดีแตกต่างกันไปค่ะ หาข้อมูลก่อนนะคะ