หลังจากที่พบว่า น้องเนปจูน มีอาการท้องเสีย เนื่องจากพบว่า มีการถ่าย มากกว่าปกติ และเท่านั้นยังไม่พอ ยังพบว่า อุจจาระที่ถ่ายออกมานั้น เริ่มมีสีเขียวปนบ้าง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณของน้ำย่อย ที่ปนออกมากับอุจจาระด้วย แปลว่า ต้องมีการติดเชื้อในลำไส้ ของน้องเนปจูนแล้ว อันนี้แม้ว่า ดิฉันจะไม่ใช่หมอ แต่การสังเกตอาการ หรือการวินิจฉัยนั้น หากมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ กายวิภาค และชีววิทยา ก็คงจะพอเดาได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับระบบการทำงานของร่างกายลูกเรา หากคุณแม่ท่านไหน พบว่า ลูก มีการถ่ายบ่อยกว่าปกติ เช่นวันละ 3-6 ครั้ง อย่าเพิ่งประเมินว่า นั่นคือท้องเสีย ขอให้ดูที่อุจจาระของ ลูก ที่ถ่ายออกมา ว่าเป็นสีอะไร มีลักษณะแบบไหน มีมูกเลือดปนมาหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่า มีอาการท้องเสีย ควรพาไปพบแพทย์ ไม่ควรไปหาซื้อ ยาแก้ท้องเสียของเด็ก เพราะมันไม่มีค่ะ ซึ่งดิฉันก็ทำตามนั้น โดยการพาน้องเนปจูนไปพบแพทย์ เมื่อได้ไปพบ ก็มีการนำอุจจาระไปตรวจ ซึ่งการตรวจ จะมี 2 แบบ คือตรวจแบบคร่าวๆ จะรู้ผลภายใน 30 นาที กับตรวจแบบเพาะเชื้อ ซึ่งจะละเอียดมาก แต่กว่าจะให้ผล ต้องใช้เวลาประมาณ 5 วัน
สำหรับน้องเนปจูนนั้น ตรวจขั้นต้นยังไม่พบเชื้อ แต่หมอก็จ่ายยามาให้ ซึ่งเป็นยาเม็ด Norfloxacin 100 mg (อ่านว่า นอร์ฟล็อกซาซิน) ซึ่งบอกตามตรง ว่าดิฉันงงมากค่ะ เชื้อก็ยังไม่พบ แถมยังเป็น เด็กเล็ก แค่ 1 ขวบ 3 เดือน จ่ายยาเม็ดมา แล้วให้บดผสมน้ำหวาน ดิฉันลองทำแล้ว มันขมมากๆ ค่ะ ผสมกับน้ำหวานเฮลส์บลูบอยตั้งเยอะแล้ว ก็ยังขมอยู่ น้องเนปจูนจิบไปทีเดียว แหวะออกมาเลยค่ะ เล่นพาดิฉันเครียดเลยทีเดียว และนี่ทำให้ดิฉันตัดสินใจ พาน้องเนปจูน ไปหาหมออีกโรงพยาบาลค่ะ เพราะจากการค้นคว้าหาข้อมูล พบว่า ยานอร์ฟล็อคซาซินนั้น เป็นยาฆ่าเชื้อที่แรง และนิยมใช้กันมาในไทยเป็น 10 ปีแล้ว แต่จากผลการวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา มีข้อบ่งชี้เลยว่า ไม่ควรใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 เนื่องจากจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของกระดูกได้ แต่หมอในเมืองไทย นิยมใช้กันให้กับเด็กที่ท้องเสีย ตลอดเลยค่ะ และยาตัวนี้ ไม่ใช่ ยาแก้ท้องเสียของเด็ก นะคะ เป็นยาฆ่าเชื้อค่ะ รักษาได้หลายโรค หนองใน ก็ใช้ยาตัวนี้เช่นกันค่ะ
ปัญหา อาจจะไม่ได้อยู่ที่ชนิดของยา หรือผลข้างเคียง แต่มันอยู่ที่ ลูก จะกินเข้าไปได้ยังไง ขมปานนั้น เมื่อไปหาหมออีกโรงพยาบาลหนึ่ง คุณหมอก็บอกว่า ยานอร์ฟล็อค ที่จ่ายมาน่ะ โอเค เพียงแต่มันไม่เหมาะสมกับเด็กวัยนี้ เพราะยิ่งเอาไปบด ยิ่งกินยากเข้าไปใหญ่ เพราะมันขม หมอก็เลยจ่ายยาน้ำอีกตัวมาให้ คือ Omnicef ค่ะ ซึ่งหอม หวาน และเนปจูนกินได้ลื่นมากๆ ค่ะ เป็นอันจบข่าว จบที่ยาตัวนี้
ยานอร์ฟล็อคซาซิน นั้น สามารถใช้ในเด็กได้ แต่ส่วนใหญ่ จะจ่ายให้กับเด็กที่กินยาเม็ดได้แล้ว เหตุที่เมืองไทยเรา หมอนิยมจ่ายยา ที่ในอเมริกาเค้าห้ามให้เด็กเล็กกิน แต่บ้านเรากินนั้น เนื่องจาก เชื้อแบคทีเรีย ที่พบเจอในลำไส้นั้น มันไม่เหมือนกัน มันคนละทวีป คนละโซน เชื้อของบ้านเรามันแรง และดื้อยา ถ้าไม่หวดหนักๆ ด้วย นอร์ฟล็อคตัวนี้ ก็อาจจะเอาไม่อยู่ ผลดีของยาตัวนี้คือ มันจะทำงานอยู่แต่ในลำไส้เท่านั้น คือฆ่าเชื้อเฉพาะในลำไส้ แต่ไม่เข้าไปในกระแสเลือด แต่ยา Omincef ที่อีกโรงพยาบาลหนึ่งเค้าจ่ายมา เป็นยาเกรดสูงกว่า แต่ออกฤทธิ์ครอบคลุมไปยันในกระแสเลือดเลย หลังจากใช้ยานี้ครั้งแรก ผ่านไป 1 ชม. น้องเนปจูนอึออกมา เป็นสีแดง ดิฉันตกใจนึกว่าเป็นมูกเลือด แต่พอสอบถามหมอ ก็พบว่า มันเป็นการจับตัวของธาตุเหล็กในลำไส้กับยา เลยทำให้ออกมาเป็นสีแดง ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เลยหายห่วง
ตอนนี้น้องเนปจูนก็มีอาการดีมากขึ้นแล้วค่ะ ระยะเวลาในการถ่ายแต่ละครั้งห่างกันมากขึ้น จะให้หยุดถ่ายเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่จะถ่ายน้อยลง ไม่บ่อยเหมือนตอนท้องเสีย และที่สำคัญ การกินยา ต้องกินให้ถึงอย่างน้อยๆ 7 วัน เพื่อให้มันออกฤทธิ์สมบูรณ์และหายขาดจริงๆ
เอาเข้าจริงๆ แล้ว โรคท้องเสีย หรือท้องร่วงในเด็ก หรือผู้ใหญ่ ก็ไม่แตกต่างกัน นั่นคือ ไม่มียารักษา แต่มียาช่วยฆ่าเชื้อ และทำให้อาการดีขึ้น จึงไม่มี ยาแก้ท้องเสียของเด็ก อย่างแท้จริง มีเพียงยาฆ่าเชื้อเท่านั้น ซึ่งจะเป็นแบบน้ำ หรือเม็ด ก็แล้วแต่ว่า เด็ก จะรับประทานแบบไหนได้ สำหรับ เด็กเล็ก ยังไงก็ต้องใช้ยาน้ำ ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย ก็ต้องใช้ยาเม็ด จะดีที่สุด ส่วนชนิดของยานั้น ก็แล้วแต่วิจารณญาณของหมอเลยค่ะ แต่เราก็ควรใส่ใจเอาไว้ด้วย ว่าผลข้างเคียงมันเป็นยังไง
