วางแผนการคลอด ตั้งแต่ก่อนฝากครรภ์ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวก

ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ว่าตอนนี้ได้ตั้งครรภ์แล้ว หรือวางแผนว่ากำลังจะมีลูกก็ตาม คุณแม่ ควรจะเริ่ม วางแผนการคลอด ตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะตั้งครรภ์ได้ ยิ่งดี ด้วยการค้นหาข้อมูล ดูความเหมาะสมของที่ตั้งของที่พัก ว่าอยู่ใกล้ รพ.ไหน และแต่ละ รพ. ที่เป็นตัวเลือก มีความแตกต่างกันอย่างไร ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละโรงพยาบาล ซึ่งสมัยนี้ สะดวกมากๆ แค่เข้า Google ก็ค้นหาได้หมดแล้ว แอดมินเอง ก็เคยเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี เกี่ยวกับการคลอดมาแล้ว รพ. ก็อยู่ไกลบ้าน แต่นั่น ไม่ใช่ปัญหา เท่ากับการที่ต้องไปเจอกับ พยาบาลที่โหดมาก ตอนทำคลอด ถ้าไม่อยากเจอแบบแอดมิน ก็ค้นหาข้อมูลให้ดีๆ นะคะ หรือจะไปที่ รพ. แห่งนั้น เพื่อสอบถาม ก่อนที่จะไปฝากครรภ์ ก็จะเป็นการดีค่ะ

วางแผนการคลอด อย่างไรให้ดีกับตัวคุณแม่ มากที่สุด

การมาคลอดที่ โรงพยาบาลนั้น จำเป็นต้องเลือก โรงพยาบาลที่ มีคุณภาพ อาจจะไม่จำเป็น ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุดเสมอไป แต่ถ้าไกลมาก ขนาดต้องขับรถข้ามจังหวัด เป็นชั่วโมง อันนี้ ก็ไม่ไหวเช่นกันค่ะ ดังนั้น ต้องเลือกเอาที่มีคุณภาพ เป็นที่ตั้งก่อน ระยะทางค่อยว่ากันอีกที วิธีเช็คก็คือ ค้นหาใน Google และสอบถาม เพื่อนๆ ที่เคยไปคลอดมาแล้ว ว่าโรงพยาบาลไหน บริการดีบ้าง เพื่อเป็นข้อมูล

สิ่งที่ต้องรู้ ถึงความแตกต่างก็คือ บรรยากาศของห้องคลอด ในโรงพยาบาลแต่ละแห่งนั้น อาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของ โรงพยาบาลด้วย โดยส่วนใหญ่ ห้องคลอด จะประกอบไปด้วย ห้องที่ใช้งานต่างๆ กัน 4 ห้อง ได้แก่ ห้องรับ ห้องรอคลอด ห้องคลอด และห้องสังเกตอาการหลังคลอด ( 2 ชม.แรก หลังคลอด ) ซึ่งในแต่ละห้อง ก็จะมีเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ สำหรับดูแลคุณแม่ ในแต่ละขั้นตอนของการคลอด แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็ก ในต่างจังหวัด อาจจะมีแค่ห้องกว้างๆ เพียงห้องเดียว มีเตียงนอนอยู่ตรงกลาง ที่สามารถปรับเป็นเตียงคลอดได้ด้วย โดยใช้เป็นห้องทำคลอด และหลังจากที่คลอดแล้ว ค่อยย้ายไปห้องพักหรือตึกผู้ป่วยหลังคลอด

ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงพยาบาลเอกชน อาจจะมีการตกแต่งห้อง ให้แตกต่างไป ให้ดูไม่น่ากลัว ไม่วังเวง ดูแล้วอบอุ่น มีอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น มี TV ให้ดู หรือมีเพลงให้ฟัง รวมทั้ง อนุญาตให้ ญาติ หรือสามี คอยอยู่เป็นเพื่อนได้ ซึ่งจะเลือกแบบไหน ก็แล้วแต่ ตามงบประมาณ และความชอบได้เลยนะคะ

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่เพิ่มเข้ามา เพื่อพิจารณาว่าจะเลือก รพ.ไหน สำหรับทำคลอด ก็คือ วิธีการคลอดค่ะ คุณแม่ ต้องเป็นคนตัดสินใจเลือก ว่าจะคลอดแบบไหน คลอดเอง หรือ ผ่าคลอด ซึ่งในแต่ละ รพ. ก็จะมีข้อดี ข้อเสีย หรือจะเรียกได้ว่า ชำนาญมาก หรือ ชำนาญน้อย แตกต่างกันไป

นอกจากการเดินทางไปคลอดที่โรงพยาบาลแล้ว อันที่จริง ยังมีการคลอดที่บ้าน อีกด้วยเหมือนกันนะคะ ( รู้กันบ้างมั้ยเนี่ย? )

การทำคลอดที่บ้านนั้น มีเพียงโรงพยาบาลบางแห่งเท่านั้น ที่มีบริการแบบนี้ให้ แต่ไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากว่า มีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก ( ก็แน่นอนล่ะ ) มีคนบางกลุ่ม ที่นิยมคลอดที่บ้าน อย่างในต่างประเทศ ก็นิยมกันพอสมควร ส่วนในประเทศไทยเรา ก็พอจะมีอยู่บ้าง ( อย่างที่บอกไป ก็มันแพงมาก ) แนวคิดนี้ ก็มาจากความเชื่อที่ว่า บรรยากาศในการคลอด เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่ และทารก ถ้าคุณแม่ ได้คลอดในบรรยากาศที่อบอุ่น และคุ้นเคย แวดล้อมไปด้วยคนที่คุณแม่รัก และรักคุณแม่ ก็จะมีกำลังใจ และลดความตื่นเต้นลงไปได้เป็นอย่างมาก

แต่ความยุ่งยาก กว่าจะคลอดที่บ้านได้ก็คือ จะต้องมีการวางแผน ตั้งแต่ฝากครรภ์เลยทีเดียว เพราะจำเป็นต้องมีแพทย์ มาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในกรณีฉุกเฉิน และก่อนที่จะคลอด อย่างน้อย 4 สัปดาห์ จะต้องเริ่มเตรียมห้อง ที่จะใช้คลอดได้แล้ว โดยอาจจะเป็นห้องนอน หรือ ห้องที่สะดวกภายในบ้าน ซึ่งจะต้องสะอาด และกว้างขวางพอที่จะให้แพทย์ และพยาบาล มาทำงานได้สะดวก นอกจากนี้ ยังต้องจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ เกี่ยวกับการคลอด เช่น ผ้ากันเปื้อน โถปัสสาวะ ผ้าเช็ดตัว อ่างอาบน้ำ และอื่นๆ ไว้ให้พร้อมอีกด้วย นับว่า ยุ่งยากมากเลยทีเดียว

เหตุผลสำคัญ ที่คุณแม่ จะต้อง วางแผนการคลอด ตั้งแต่ก่อนฝากครรภ์ ก็เพราะว่า ถ้าฝากครรภ์กับ โรงพยาบาลใด โรงพยาบาลหนึ่งไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก คือจะเปลี่ยนใจกลางทาง ฝากกับ รพ. นี้ มา 4 เดือน แล้ว อยากย้ายไปฝากกับ รพ. ใหม่ หลังจากนี้ จนกระทั่งคลอด ทำไม่ได้นะคะ ถึงแม้ทาง รพ. จะรับ แต่อาจจะไม่ได้รับการดูแลอย่างดีนัก เพราะทาง รพ.ใหม่ ไม่ได้ทำการตรวจมาตั้งแต่ต้น ซึ่งถ้าคลอดออกมา แล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น จะมาโทษทาง รพ.ใหม่ ไม่ได้ สรุปง่ายๆ คือ ฝากที่ไหน ก็ต้องคลอดที่นั่น เริ่มต้นที่ไหน ก็ต้องจบที่นั่น จะเปลี่ยนใจกลางทางไม่ได้ จึงควรวางแผน และดูความสะดวก ในการเดินทางไป รพ. ที่จะฝากครรภ์ ตั้งแต่เนิ่นๆ