วิธีตรวจดาวน์ซินโดรม Nifty Test ทารกสำหรับคุณแม่ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป

20736
แบ่งปัน

วิธีตรวจดาวน์ซินโดรม ทารก สำหรับ คุณแม่ ที่มีอายุเยอะแล้วนั้น ส่วนใหญ่ ที่เราเคยได้ยินกันมา ก็จะเป็นในเรื่องของการ เจาะน้ำคร่ำ มาตรวจ ซึ่งก็มีความเสี่ยง หลาเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มีโอกาส ทำให้แท้งได้ หรือ มีโอกาสทำให้เกิดการติดเชื้อในครรภ์ได้ ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ความเสี่ยง ยังไงมันก็คือความเสี่ยง จริงมั้ยคะ อีกอย่าง คุณแม่ ก็ต้องเจ็บตัวอีกด้วย และต้องพักฟื้นหลายวัน ส่วนคุณหมอ ที่เป็นคนทำ ก็ต้องเป็นหมอที่มีความชำนาญด้วยนะคะ สรุปคือ มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างมาก ที่ทำให้ไม่มั่นใจ ดังนั้นถ้าเลือกได้ แอดมิน ก็ไม่อยากจะเจาะน้ำคร่ำ มาตรวจค่ะ สำหรับตัวแอดมินเองนั้น เมื่อครั้งที่ท้องแรก น้องเนปจูน นั้น แอดมิน ไม่ได้ทำการตรวจ ดาวน์ซินโดรม ด้วยวิธีการเจาะน้ำคร่ำ หรือตรวจอะไรเป็นพิเศษ มากมาย เพราะตอนนั้น อายุ ยังไม่ถึง 35 ปี มาคราวนี้ ท้องสอง ตอนอายุ 35 ปี พอดี ก็รู้สึกเป็นกังวล เกี่ยวกับ อาการดาวน์ซินโดรม คือ ไม่เคยมีคนในครอบครัวเป็นนะคะ แต่ก็เป็นกังวลค่ะ จึงคิดหาวิธีตรวจ แต่ก็ไม่อยากจะต้องทำการ เจาะน้ำคร่ำ ให้เจ็บ และมีความเสี่ยง ที่จะต้องแท้ง ก็เลยถามเพื่อนๆ และถามคุณหมอ ก็ปรากฏว่า ในปัจจุบัน ตอนนี้ มีวิธีการคัดกรองแบบใหม่ ที่ตรวจจากเลือดของแม่เองเลย ไม่มีความเสี่ยงใดๆ กับ ทารกในครรภ์ แม้แต่น้อย นั่นคือ การทำ Nifty Test นั่นเองค่ะ สะดวกมากๆ ไม่มีผลใดๆ ต่อทารกในครรภ์เลย เป็นการคัดกรองขั้นต้น เพื่อดูว่า มีความจำเป็นที่จะต้อง เจาะน้ำคร่ำหรือไม่ สะดวกและดีมากๆ ค่ะ

คุณแม่ต้องรู้  ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายหรือไม่? คุณแม่ ควรดูแลอย่างไร?

วิธีตรวจดาวน์ซินโดรม nifty test

Nifty Test คือ วิธีตรวจดาวน์ซินโดรม ที่ปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน

อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับทาง บริษัท Nifty ที่เป็น Lab ในการตรวจสอบอะไรนะคะ เพราะโดยส่วนตัว ก็ไม่ได้ไปตรวจที่ Lab อยู่แล้ว แต่ทำการตรวจที่ โรงพยาบาลจุฬา ค่ะ โรงพยาบาลเดียวกับของ น้องเนปจูน เลย เพียงแต่เห็นว่ามีประโยชน์ ก็เลยเอามาแนะนำกันค่ะ

Nifty Test คืออะไร?

Nifty Test หรือชื่อเต็มๆ คือ Non-invasive Parenatal Genetic Testing for Fetal Chromosomal Aneuploidies ซึ่งก็คือ การตรวจหาความผิดปกติ ของโครโมโซม คู่ที่ 13, 18 และ 21 ซึ่งไอ้เจ้าคู่ที่ 21 นี่แหละค่ะ ที่หากผิดปกติ ก็แปลว่า น้องมีโอกาสเป็นดาวน์ซินโดรมได้ ซึ่งต้องบอกว่า Nifty เป็นการทดสอบคัดกรองเบื้องต้นนะคะ ถ้าตรวจแล้ว ผลออกมา ว่ามีความเสี่ยง ก็ต้องทำการ เจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจดูรายละเอียดอีกที

คือว่า การเจาะน้ำคร่ำ มาตรวจ ยังเป็นวิธีที่ให้ผลได้แม่นยำ และละเอียดที่สุด แต่.. ถ้าทารกในครรภ์ ไม่ได้ผิดปกติอะไร เราก็ไม่ควรเจาะ เพื่อทำให้เกิดความเสี่ยง จริงมั้ยคะ ดังนั้น Nifty จึงเข้ามาเป็นเหมือนด่านหน้า ในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นก่อน ซึ่งถ้าผลออกมา มีความเสี่ยง จึงค่อยทำการเจาะน้ำคร่ำมาดู เพื่อความแม่นยำอีกทีว่า ผิดปกติตรงไหน อย่างไร

คุณแม่ต้องรู้  น้ำหนักตัวคุณแม่ ระหว่างตั้งครรภ์ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจให้มาก

การเจาะน้ำคร่ำ เป็นวิธีการตรวจที่แม่นยำที่สุด แต่.. มันก็เจ็บ และมีความเสี่ยง ที่อาจจะทำให้แท้งได้นะคะ ถ้าเจาะไปโดนทารกเข้า คือ คุณหมอ ที่จะทำการเจาะเนี่ย ต้องมีความชำนาญสูงมากๆ และเมื่อเจาะแล้ว คุณแม่ ก็ต้องกลับไปนอนพักเฉยๆ อย่าทำงานอะไร เป็นเวลาอย่างน้อยๆ 2 – 3 วัน นะคะ ระยะเวลาในการรอผล ก็ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ เช่นกัน

เงื่อนไขในการตรวจ Nifty Test ก็คือ ต้องมีอายุครรภ์ เกิน 12 สัปดาห์ไปแล้ว คือให้ดีที่สุด ต้องอายุครรภ์ 13 สัปดาห์ พอดีค่ะ เผื่อเวลาให้ผลตรวจอีกประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ ซึ่งถ้าหากผิดปกติ ก็ยังทันที่จะเจาะน้ำคร่ำตรวจได้ค่ะ

ข้อดีของการทำ Nifty Test

ปลอดภัยทั้งแม่ และลูก และให้ผลในการตรวจที่แม่นยำ ถึง 99% บางคนอาจจะแย้งว่า การตรวจด้วย Nifty Test นั้น ไม่ได้ตรวจโครโมโซมทุกคู่ จะแม่นยำได้อย่างไร เอาเป็นว่า มันบอกได้ถึงความเสี่ยง ของการเป็น ดาวน์ซินโดรม แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ ส่วนอย่างอื่น มันก็บอกได้นะคะ เช่น บอกเพศ ของทารก และความเสี่ยง ในการเป็นโรคอย่างอื่น คือ มันไม่มีอะไรเสียหาย ที่จะทำการตรวจค่ะ เพราะมันก็แค่เป็นการ เจาะเลือดของแม่ แล้วเอาไปตรวจแค่นั้นเอง ปลอดภัยกว่า การเจาะน้ำคร่ำ แม้จะบอกถึงความเสี่ยง ในความผิดปกติอื่นๆ ได้ไม่หมด แต่มันก็เพียงพอที่จะรู้แล้วว่า ลูกของเราที่จะเกิดมา ไม่มีความเสี่ยงที่จะเป้น ดาวน์ซินโดรม แน่นอน แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ

คุณแม่ต้องรู้  เบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ อันตรายที่ คุณแม่ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

ข้อเสียของการทำ Nifty Test

มีค่าใช้จ่ายสูงมากค่ะ คือ แพง นั่นเอง และมีที่ให้ทำ ไม่กี่ที่เท่านั้นในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็น รพ.เอกชน ส่วนรัฐบาล เท่าที่รู้ ก็มีแต่ รพ.จุฬา เท่านั้นค่ะ ค่าใช้จ่าย จะอยู่ที่ 18,900 บาท ค่ะ แต่สำหรับแอดมิน คุ้มแน่นอนค่ะ ได้ความมั่นใจ และสบายใจ อีกทั้งยังเป็นการตรวจที่ คุณแม่ ไม่ต้องเจ็บตัว และคุณลูกในท้อง ก็ไม่ต้องมีความเสี่ยงอีกด้วย

โดยส่วนตัวแล้ว แอดมิน เลือกวิธีนี้ค่ะ จริงอยู่ ที่มันมีค่าใช้จ่ายแพง แต่ยอมค่ะ เพราะมันก็ไม่ได้แพงเกินไป จากที่รู้ เมื่อก่อนนี้ แพงกว่านี้อีกนะคะ ประมาณ 23,000 บาท เมื่อสมัยตอนที่เทคโนโลยีนี้ เข้ามาในเมืองไทยใหม่ๆ แต่ในปัจจุบัน เริ่มมีราคาลดลงบ้างแล้ว เป็นราคาที่ยอมรับได้ค่ะ เพราะมันคุ้ม ไร้ความเสี่ยง และบอกได้แม่นยำถึง 99% เชื่อถือได้ค่ะ เพราะยังไง แอดมิน ก็ฝากครรภ์ ที่โรงพยาบาลจุฬา เหมือนเดิมอยู่แล้ว ก็แค่เพิ่มการตรวจนี้เข้ามาเฉยๆ ไม่มีอะไรมาก ถ้าคุณแม่คนไหน ไม่มั่นใจ ก็แนะนำให้ทำวิธีเดียวกับแอดมินได้เลยค่ะ ดีกว่าไปเสี่ยงเจาะน้ำคร่ำเลยนะคะ เพราะไม่แน่ ทารกในครรภ์ อาจจะปกติ แต่พอไปเจาะน้ำคร่ำ แล้วแท้งขึ้นมา มันน่าเศร้านะคะ