เมื่อทารกในครรภ์มี อายุครรภ์ 3 สัปดาห์ โดยที่คุณแม่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์อยู่ หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่จะมีอาการบางอย่าง ที่แสดงว่า คุณแม่ ได้ตั้งครรภ์แล้ว โดยอาการบางอย่าง ที่ว่ามานี้ จะปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ได้แก่ การขาดหายไปของประจำเดือน มาไม่ตรงตามเวลา ที่ควรจะมา และอาการ เต้านมแข็งเป็นก้อน เจ็บ และตึง รู้สึกหงุดหงิด นอนไม่หลับ ไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้ จะเป็นอาการคล้ายกับ ช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งสาเหตุก็มาจาก ฮอร์โมน เอสโตรเจน เพิ่มขึ้นสูงมาก อย่างรวดเร็วในระยะแรก และต่อมา ก็จะลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ควบคู่ไปกับ ฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน จะมีระดับที่สูงขึ้น และอยู่อย่างนั้นยาวนาน จึงทำให้คุณแม่ มีอาการต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว แสดงออกมาให้เห็น และเนื่องจาก ปริมาณโปรเจสเตอโรน ที่สูงมากขึ้น และการเผาผลาญพลังงานที่เพิ่มขึ้นมาก จึงทำให้คุณแม่ รู้สึกเหนื่อยง่าย วิธีแก้ไข จึงควรพักผ่อนเยอะๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เพียงพอ ( คือกินมากขึ้นกว่าปกติ ) อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองค่ะ
คุณแม่ ส่วนใหญ่ ทำอะไรกัน เมื่อตัวอ่อนมี อายุครรภ์ 3 สัปดาห์ ?
ในช่วงนี้ คุณแม่ส่วนใหญ่ จะเริ่มสังเกต ความผิดปกติ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาการต่างๆ ที่รู้สึกได้ และประจำเดือน ที่ไม่มาตามปกติ คุณแม่ส่วนใหญ่ จึงมักจะเริ่มสงสัย และซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ มาทำการตรวจแล้วว่า ตัวเองตั้งครรภ์ หรือไม่? มีจำนวนน้อยมาก ที่จะตรวจการตั้งครรภ์ ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ เนื่องจาก ยังไม่มีอาการที่เด่นชัดออกมา แล้ววิธีการทดสอบการตั้งครรภ์ จะทำได้ตอนไหน และมีรายละเอียดอะไรบ้าง ที่คุณแม่ ควรจะรู้ แอดมินจะเอามาเล่าให้ฟังกันค่ะ
การตรวจครรภ์ โดยปกติแล้ว จะตรวจทางปัสสาวะ เพื่อหาระดับปริมาณ ฮอร์โมน HCG หรือ Human Chorionic Gonadotropin ซึ่งจะสามารถพบได้ในปัสสาวะ ในช่วง 4 สัปดาห์ หลังจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย หรือ 2 สัปดาห์ ของการตั้งครรภ์ ซึ่งระดับ HCG นี้ หากมีการตั้งครรภ์ จะมีระดับสูงขึ้นถึงระดับสูงสุด ในช่วง 6 – 7 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ ซึ่งการทดสอบด้วยตัวเอง ด้วยวิธีหาปริมาณ HCG ในปัสสาวะนี้ จะให้ผลที่แม่นยำมากถึง 95% และใช้ระยะเวลาในการตรวจไม่เกิน 5 นาที โดยใช้ชุดทดสอบ การตั้งครรภ์ ที่ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ช่วงเวลา ที่ควรทำการทดสอบก็คือ ช่วงเช้า หลังจากตื่นนอน เนื่องจาก จะเป็นเวลาที่ฮอร์โมน HCG จะเพิ่มขึ้นสูงที่สุด
การทำงานของชุดทดสอบการตั้งครรภ์นั้น ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ มีทั้งแบบจุ่มตรวจ และแบบปัสสาวะผ่านเลยก็มี ซึ่งส่วนใหญ่ ก็มักจะให้ดูจำนวนขีดเป็นหลัก ถ้าขึ้น 2 ขีด ก็แสดงว่าตั้งครรภ์ ง่ายๆ แค่นั้นค่ะ บอกได้แค่ว่า ตั้งครรภ์ หรือไม่? แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า ตั้งครรภ์มาแล้ว กี่สัปดาห์นะคะ ส่วนเรื่องของยี่ห้อ ก็เลือกเอาตามสะดวกเลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อมาหลายๆ อันนะคะ ให้ใช้แค่อันเดียว ก็ตรวจได้แล้วค่ะ เสร็จแล้ว ค่อยไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำการ ฝากครรภ์ ซึ่งจะเป็นการตรวจที่ละเอียดกว่า
อย่างไรก็ตาม เพื่อความแม่นยำ ในการตรวจ จริงอยู่ที่ว่า ควรจะทำการตรวจ ในช่วงเช้า หลังจากตื่นนอน แต่ก็ต้องมีการเตรียมตัวที่ถูกต้อง เพื่อให้ผลที่แม่นยำมากขึ้นไปอีก คล้ายๆ กับการไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลนั่นแหละค่ะ ได้แก่
1. งดดื่มน้ำ หลังสองทุ่ม และปัสสาวะให้หมด ก่อนเข้านอน เพื่อต้องการให้ ปัสสาวะ ในช่วงเช้า หลังตื่นนอน มีความเข้มข้น
2. งดการกินยาต่างๆ เป็นเวลา 48 ชม.
แค่นี้ ก็จะทำให้การตรวจการตั้งครรภ์ได้ผล ที่มีความแม่นยำมากขึ้นแล้ว สำหรับคุณแม่ ที่ตั้งครรภ์จนมี อายุครรภ์ 3 สัปดาห์ แล้วแนะนำให้รีบไปทำการพบแพทย์ เพื่อฝากครรภ์ โดยเร็วที่สุดเลยนะคะ ยิ่งฝากครรภ์เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับการดูแลเร็วเท่านั้น
สำหรับพัฒนาการของทารกในช่วง สัปดาห์ที่ 3 นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญก็คือ หัวใจเริ่มถูกแบ่งออกเป็น 4 ห้อง และหลอดเลือด เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง ส่วนขนาดของทารก ในวันที่ 21 จะมีขนาดที่วัดได้ ประมาณ 1.5 – 2.5 มิลลิเมตร หรือพูดง่าๆย ก็คือ มีลักษณะคล้ายกับ ก้อนถั่วเม็ดเล็กๆ ที่ติดอยู่ในมดลูกนั่นเองค่ะ
หลังจากที่คุณแม่ รู้ตัวแล้วว่า ตัวเองตั้งครรภ์มาได้ 3 สัปดาห์แล้ว แอดมินแนะนำว่า คุณแม่ ควรจะต้องเริ่มศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูล เกี่ยวกับการดูแลตัวเองด้วยนะคะ ทั้งในเรื่องของ โภชนาการ และเรื่องของพัฒนาการทารกในครรภ์ ในแต่ละสัปดาห์ เพื่อจะได้รู้ว่า ตอนนี้ ทารกในครรภ์ มีพัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และคุณแม่ ควรจะเน้นในเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งสามารถติดตามอ่านได้เลยค่ะ แอดมินจะเอามาสรุปให้อ่านกัน ทั้ง 34 สัปดาห์เลยค่ะ
