อายุครรภ์ 4 สัปดาห์ คุณแม่ ควรรู้และควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างในช่วงนี้

11048
แบ่งปัน

ในช่วงที่ อายุครรภ์ 4 สัปดาห์ ปัญหาใหญ่ของ คุณแม่ ส่วนใหญ่เลยก็คือ อาการแพ้ท้อง บางคนโชคดี ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไปจนถึงคลอด อย่างตอนที่ท้องน้องเนปจูน ก็ไม่มีอาการแพ้ท้องเลย แต่สำหรับบางคน เมื่อตั้งครรภ์ไปได้ ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ก็จะเริ่มมีอาการแพ้ท้องให้เห็น ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุของ การแพ้ท้อง หรือไม่แพ้ท้องนั้น มันขึ้นอยู่กับ สภาพร่างกายของคุณแม่แต่ละคน อาการแพ้ท้องขั้นพื้นฐาน ที่เรามักจะคุ้นเคยกัน จากในหนัง และละครก็คือ อาการคลื่นไส้ และมักจะตามมาด้วยการ อาเจียน โดยเฉพาะในช่วงตอนเช้าหลังจากตื่นนอน หรือบางคนอาจจะเป็นเวลาอื่น และอาจจะเป็นมาก เมื่อรับประทานอาหารไม่เพียงพอ หรือทานอาหารที่มีกลิ่นแรง หรือได้กลิ่นอาหารแรงๆ บางคนเป็นหนักมาก จนอาจจะทานอะไรไม่ได้เลย แค่คำแรก ก็อาเจียนออกมาแล้ว เพราะเหม็นกลิ่นอาหาร ( อย่างที่ได้เคยเขียนไปแล้ว ในบทความ ในระหว่างตั้งครรภ์ ทำไมคุณแม่ ถึงมีจมูกไวกว่าปกติ ) อันนี้ขึ้นอยู่กับอาการของการแพ้ท้องนะคะ แต่ละคน ก็เหม็น หรือชอบกลิ่นแต่ละกลิ่นไม่เหมือนกัน บางกลิ่น ตอนยังไม่ท้อง ก็ชอบมากๆ แต่พอตั้งครรภ์แล้ว กลับรู้สึกเหม็น จนทนกลิ่นนั้นไม่ได้เลย ก็มี อย่างแอดมินเอง ปกติ ชอบกลิ่นน้ำมันงา แต่พอตั้งครรภ์ ก็เกลียด และเหม็นกลิ่นน้ำมันงามากๆ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดานะคะ

คุณแม่ต้องรู้  อยากมีลูก แต่เป็น โรคเบาหวาน จะมีได้มั้ย

วิธีจัดการกับ อาการแพ้ท้องเบื้องต้น ในช่วง อายุครรภ์ 4 สัปดาห์ เป็นต้นไป

สำหรับใคร ที่เริ่มรู้สึกว่า มีอาการ คลื่นไส้ และอาเจียน ตอนตื่นนอน แอดมินมีวิธีแก้แบบง่ายๆ ค่ะ คือให้เตรียม ขนมประเภทที่มีแป้ง ( คาร์โบไฮเดรต ) เอาไว้ที่หัวเตียงนอนก่อนเลย เพิ่มเริ่มรู้สึกตัวว่าจะตื่น ก็ให้หยิบขนมพวกนี้ ขึ้นมากินก่อนเลยนะคะ เสร็จแล้วก็นอนต่ออีกนิด แล้วจึงค่อยตื่นมา อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ทานมื้อเช้า เหตุผลก็คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังตื่นนอน ส่วนใหญ่แล้วจะมาจาก การที่กระเพราะอาหารว่าง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ และอยากอาเจียน ขึ้นมาค่ะ แต่ถ้าเราทานอะไรไปบ้าง ก่อนตื่นนอน ก็จะลดอาการนี้ลงไปได้ค่ะ

วิธีลดอาการแพ้ท้อง วิธีต่อมาก็คือ หลีกเลี่ยง การไปเจอกับกลิ่นอาหารที่ไม่ชอบ รู้ว่ากลิ่นแบบไหนเหม็น ก็อย่าไปเข้าใกล้ ให้ได้กลิ่น จะได้ไม่คลื่นไส้ และอาเจียน อาหารแบบไหน ที่ทานได้ แล้วชอบ หรืออยากกิน ก็กินไปเลยค่ะ แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายน้อย ก็ไม่เป็นไร เอาแค่ให้ผ่านช่วงที่แพ้ท้องนี้ ไปได้ก่อนก็พอ สำหรับคุณแม่ท่านไหน ที่เป็นมาก จนทานอาหารอะไรไม่ได้เลย กินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด ให้ดื่มน้ำเยอะ เพราะการอาเจียน จะทำให้ร่างกาย สูญเสียน้ำไปเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับคุณแม่ท่านไหน ที่แพ้แบบหนักมากๆ คือ ทานอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่ง น้ำเปล่า อันนี้ ถือว่าเป็นมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ ห้ามซื้อยาแก้แพ้ท้อง จากร้านขายยา มาทานเองเป็นอันขาด เพราะอาจจะส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้นะคะ

คุณแม่ต้องรู้  พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

วิธีต่อมา ก็คือ การทานขิงสด จะทานดิบๆ หรือจะต้มเป็นน้ำ ก็ได้ อันนี้ช่วยได้จริงๆ ไม่ใช่ทานแค่ตอนเริ่มรู้สึกคลื่นไส้นะคะ แต่ให้ทานไปตลอด แอดมินเอง ก็ทานมาตลอด โดยต้มน้ำขิงสดเองที่บ้าน แล้วเติมน้ำตาล หรือเกลือ ปรุงรสลงไป สำหรับคนที่ไม่ชอบกินน้ำขิง อันนี้อาจจะลำบากหน่อย แต่จากประสบการณ์ บอกเลยนะคะ ว่ามันดีจริงๆ ค่ะ ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายดีขึ้นจริงๆ น้ำขิง ไม่ได้มีประโยชน์แค่ตอนตั้งครรภ์ เท่านั้นนะคะ หลังจากตั้งครรภ์ ในช่วงระหว่างอยู่ไฟ ก็จำเป็นต้องทานตลอด เช่นเดียวกันค่ะ คุณแม่ท่านไหน ที่ไม่ชอบ ต้องพยายาม ปรับตัวให้ชอบได้แล้วนะคะ ยังไงก็หนีไม่พ้นค่ะ นี่ยังไม่รวมถึง ตอนให้นมลูก ที่น้ำขิง จะช่วยทำให้มีน้ำนมมากขึ้นด้วยนะคะ ประโยชน์เพียบเลยค่ะ สำหรับน้ำขิง

การออกกำลังกาย ก็ช่วยได้เช่นกัน ในช่วงที่มี อายุครรภ์ 4 สัปดาห์ แบบนี้ ร่างกายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ การออกกำลังกาย ยังสามารถทำได้เป็นปกติ เพียงแต่อย่าหนักมากเกินไป เนื่องจาก การออกกำลังกาย จะช่วยทำให้ร่างกาย สูบฉีดเลือด และระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดอาการแพ้ท้องได้เช่นเดียวกัน

คุณแม่ต้องรู้  6 ความเสี่ยงที่ต้องระวัง ก่อนตัดสินใจที่จะ มีลูก และตั้งครรภ์

การบริหารง่ายๆ ทันที ที่รู้สึกว่า คลื่นไส้ ให้ออกไปหาที่ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก อย่าอยู่ในห้องปิดอับ หรือในห้องแอร์ จากนั้นให้นั่งเก้าอี้ แล้วนั่ง หายใจเข้าช้าๆ และค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา จากนั้น โน้มตัวไปข้างหน้า ให้ศีรษะ อยู่ระหว่างหน้าขาทั้งสองข้าง เมื่อรู้สึกดี ก็เงยหน้าขึ้น ให้ทำซ้ำแบบนี้ 2 – 3 ครั้ง จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้

พัฒนาการของทารก เมื่อ อายุครรภ์ 4 สัปดาห์

ในช่วงนี้ ทารกจะพัฒนาระบบย่อยอาหาร และเริ่มมีการพัฒนาในส่วนของใบหน้า แขน และขา ส่วนหัวใจของทารก จะเริ่มมีการเต้นที่อัตราเฉลี่ย 65 ครั้ง ต่อนาที อีกทั้งยังมีการสร้างตับเล็กๆ ขึ้นมาแล้ว รวมทั้ง ลำไส้เล็ก ก็เริ่มมีการเจริญเติบโตแล้วด้วย ขนาดตัวของทารก ในช่วงนี้ จะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 4 – 6 มิลลิเมตร

สำหรับคุณแม่ท่านใด ต้องการสอบถามโดยตรงกับทางแอดมิน ให้ส่งข้อความ มาทางหน้าแฟนเพจ Maeneptune.com ได้เลยนะคะ ยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่องค่ะ