ในระหว่างตั้งครรภ์ ทำไม คุณแม่ ถึงได้มีจมูกไวกว่าปกติ

ในระหว่างตั้งครรภ์ สิ่งต่างๆ ในร่างกายของคุณแม่ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อารมณ์ ที่จะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว หรืออารมณ์ความอยาก ที่บางคน ก็จะแสดงอาการที่แปลก และแตกต่างกันออกไป บ้างก็อยากกินแต่ของแปลกๆ บ้างก็อยากไปเที่ยวนู่น เที่ยวนี่ อยากทำอะไรที่แปลกๆ พฤติกรรมต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป บางคนเป็นหนัก เหมือนกับกลายเป็นอีกคนไปเลยก็มี รวมทั้ง อาการจมูกไว ได้กลิ่นอะไรง่ายมากๆ และเหม็นอะไรง่ายมากๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ คืออาการที่เรามักจะเรียกกันว่า อาการแพ้ท้อง ซึ่งหากพิจารณาดูแล้ว พวกความอยากกิน อยากทำ หรืออารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องปกติ เป็นอะไรที่ไม่น่ากังวลอะไร แต่เรื่องของอาการ จมูกไว ได้กลิ่นดีกว่าคนปกติ เหม็นอะไรง่ายมากๆ บางอย่างที่เคยชอบ ก็รู้สึกเหม็นขึ้นมาทันที เช่น ก่อนท้อง สามารถกินอาหารที่ใช้ น้ำมันงา ใส่ได้สบายๆ แต่พอ ตั้งครรภ์ แค่ได้กลิ่นน้ำมันงานิดเดียว ก็เหม็นจนเวียนหัว รู้สึกอยากจะอาเจียนแล้ว จึงกลายเป็นคำถามที่ คุณแม่มือใหม่ ส่วนใหญ่ มักจะสงสัยกันว่า ทำไม คนท้อง ถึงต้องจมูกไว ได้รับกลิ่นดีกว่าคนปกติทั่วไปกันด้วยนะ

จมูกไว ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ เป็นกันทุกคน ยืนยันเลย

คุณแม่มือใหม่ หลายคน ไม่รู้ว่า จมูกของตัวเองดีขึ้น ในระหว่างตั้งครรภ์ เพราะมัวแต่หงุดหงิด และแก้ปัญหา เรื่องของการเหม็นจนเวียนหัว และอาการคลื่นไส้ อาเจียน จนไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องของ สาเหตุอาการ จมูกไวอะไรนี่หรอก แต่ถ้าคุณแม่บางท่าน ไม่แพ้ท้อง ก็อาจจะมีเวลา มานั่งสังเกต จนพบว่า ความสามารถในการ รับรู้กลิ่น ของตัวเอง ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จมูกมีความไวต่อกลิ่นมากๆ อาการจมูกไวแบบนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ในไตรมาสแรกเลยนะคะ พอเริ่มท้องอ่อนๆ อาการจมูกไวก็จะมาทันทีค่ะ และจะคงอยู่ไปยาวๆ เลยทีเดียว กว่าจะกลับมาเป็นปกติ ก็หลังคลอดนั่นแหละค่ะ ทีนี้ ก็เลยกลายมาเป็นคำถามที่ว่า ทำไมถึงได้จมูกไวแบบนี้ล่ะ?

คำตอบนั้น ง่ายมากๆ ค่ะ การที่คุณแม่ มีจมูกไวต่อกลิ่นมากกว่าปกติหลายเท่า สามารถรับรู้กลิ่นได้เร็ว และแม่นยำ ก็เพราะว่า ระบบประสาท ที่เกี่ยวกับการรับรู้กลิ่นของคุณแม่ ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นแบบสุดๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ นับตั้งแต่สัปดาห์แรกเลยนะคะ มันเป็นเหมือนกับ กลไกอัตโนมัติของร่างกาย หรือสัญชาตญาณ ที่ช่วยทำให้ คุณแม่ สามารถแยกแยะ และหลีกเลีี่ยง การรับประทานอาหาร ที่มีส่วนผสม ของสารพิษ ได้ดีขึ้น เพราะระบบการรับรู้กลิ่น ของร่างกายคุณแม่ จะวิเคราะห์ และแยกแยะมาให้ว่า อาหารชนิดใด ปลอดภัย หรือมีสิ่งมีพิษเจือปนอยู่ หรือไม่

และไม่ใช่แค่เรื่องของ อาหารการกิน เท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงการปกป้อง ทารกในครรภ์ จากการได้รับสารพิษ เช่น ควันบุหรี่ เหล้า และกาแฟ อีกด้วย ยกตัวอย่าง จากประสบการณ์ตรงเลยนะคะ ก่อนท้อง ก็เป็นคนที่เหม็นกลิ่นควันบุหรี่มากอยู่แล้ว พอตั้งครรภ์ แล้วได้กลิ่นบุหรี่ ยิ่งเหม็นมากขึ้นทวีคูณ เหม็นมากๆๆๆ จนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก รู้แค่ว่า มันรู้สึกเกลียด และเหม็นมากกว่า ตอนก่อนตั้งครรภ์ เยอะเลยทีเดียว แม้แต่กลิ่นอับในแอร์รถตู้ ก็ยังทนไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ก่อนท้อง ก็นั่งได้เป็นปกติ ไม่ได้มึน หรือเวียนหัวอะไร

แต่พอตั้งครรภ์ ก็เหมือนกับร่างกายมันบอกว่า อย่าไปทนกับกลิ่นเหล่านี้นะ เพราะถ้าสูดเข้าไปแล้ว มันจะทำอันตราย กับทารกในครรภ์ ได้นะ

เห็นมั้ยคะ ว่าการเป็น คุณแม่ ก็คือ การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ของลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องเลยนะคะ เพราะร่างกายของคุณแม่ ต้องเพิ่มขีดความสามารถ ของการรับรู้กลิ่น ให้สูงขึ้นกว่าคนปกติทั่วไป ประมาณว่า แยกแยะได้เลยว่า กลิ่นแบบไหน ปลอดภัย และกลิ่นแบบไหน ไม่ปลอดภัย ต่อลูกน้อยในครรภ์ นอกจากเรื่องของการรับรู้กลิ่น ที่ดีขึ้นมากๆ แล้ว ยังมีอีกหลายๆ อย่าง ภายในร่างกายของคุณแม่ ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น กว่าคนปกติทั่วไป เฉพาะในช่วง ระหว่างการตั้งครรภ์ เท่านั้น ซึ่งแอดมิน จะเอามาอธิบายในครั้งต่อๆ ไปค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ อย่าลืมกด LIKE เพื่อติดตาม ทางแฟนเพจ www.facebook.com/maeneptunefp กันด้วยนะคะ มีอะไร ก็ส่งข้อความ มาพูดคุย แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ กันได้ค่ะ หรือจะส่งรูปลูก ใน moment ที่น่ารักๆ มาแบ่งปัน ให้เพื่อนๆ คุณแม่ ได้เห็นถึงความน่ารัก กันบ้าง ก็ได้นะคะ ส่งมาทาง inbox ได้เลยค่ะ แอดมิน จะนำขึ้นใน Timeline ของเพจ ให้ค่ะ