RSV โรคร้าย ที่น่ากลัวสำหรับวัยทารกเท่านั้น อย่าไปกลัวมาก ป้องกันได้

6177
แบ่งปัน

RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง ที่มีเด็กเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ที่เป็นกัน ทั้งเด็กทารก เด็กโต ผู้ใหญ่ ก็ยังเป็นกันได้ โรคนี้ น้องเนปจูน ก็เป็นมาแล้ว อย่างที่แอดมิน เคยเล่าไปแล้วในบทความ ลูกไม่สบาย ติดเชื้อ Respiratory Syncytial Virus ซึ่งตอนนั้น น้องเนปจูน ยังเล็กมากๆ มีอายุได้เพียงไม่กี่เดือน นับว่า มีอันตรายมากๆ แต่ด้วยความที่ น้องเนปจูน มีภูมิคุ้มกันที่ดี และมีสุขภาพ ที่ค่อนข้างจะแข็งแรง จึงสามารถผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งจากประสบการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ตัวแอดมิน ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากๆ

ทำไม RSV ถึงอันตรายสำหรับเด็กเล็ก แต่ไม่อันตรายสำหรับเด็กโต?

อันที่จริงแล้ว โรคนี้ จะมีอันตรายมากๆ เฉพาะกับผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอมากๆ เท่านั้น ผู้ที่มีสุขภาพ ร่างกายที่แข็งแรง ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงน้อย และถึงแม้จะติดเชื้อมา ก็จะไม่มีอาการอะไรรุนแรง ดังนั้น เด็กทารก จึงมีความเสี่ยง ที่จะเกิดอันตราย จากการติดเชื้อไวรัสนี้ มากที่สุด เรียกได้ว่า โรคนี้ อันตรายกับเด็กทารกมากที่สุด เพราะมีโอกาส ลุกลาม และพัฒนาจนเป็น ปอดบวม ปอดอักเสบ และหอบหืดได้ในที่สุด

คุณแม่ต้องรู้  พาลูกเที่ยวห้าง วิธีเสริมพัฒนาการ สร้างการเรียนรู้แบบง่ายๆ ไม่ต้องเสียเงิน

RSV โรคร้าย ที่น่ากลัวสำหรับวัยทารกเท่านั้น

สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่านั้น และเป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคน พอได้ยินแล้ว จะต้องวิตกกังวลมากๆ ก็คือ เชื้อไวรัสตัวนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว มันจะฝังตัวอยู่แบบนั้น ไปตลอดชีวิต ไม่มียารักษา หรือยาฆ่าไวรัสนี้ได้ แต่จะสงบนิ่ง อยู่ในร่างกาย เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น อดนอน หรืออะไรก็ตาม มันก็จะกำเริบขึ้นมา ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยอีก ฟังดูแล้ว เหมือนเป็นโรคร้ายแรง แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น

เพราะเมื่อลูกของเราโตขึ้น ภูมิคุ้มกัน ก็จะมีมากขึ้น ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้น ไวรัสตัวนี้ ก็มีโอกาสกำเริบน้อยลง หรือแม้จะกำเริบขึ้นมา อาการก็ไม่รุนแรงมาก อาจมีแค่ น้ำมูกไหล เป็นไข้อ่อนๆ แค่นั้น ซึ่งเป็นอาการทั่วๆ ไป ที่ใครๆ ก็เป็นกันได้ เมื่อร่างกายอ่อนแอ

ย้ำอีกครั้งว่า เชื่อไวรัส Respiratory Syncytial Virus ตัวนี้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันนะคะ

อาการพื้นฐาน ของเจ้าไวรัส RSV ตัวนี้ก็คือ จะมีน้ำมูกใสๆ ไหลตลอดเวลา ไอ จาม และมีไข้ต่ำๆ กินยาลดไข้ไปแล้ว ไข้ลดลงนิดหน่อย พอหมดฤทธิ์ยา ไข้ก็กลับมาอีก ดูๆ ไปแล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไร เพราะอาการส่วนใหญ่ จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจเท่านั้น ซึ่งในผู้ใหญ่ อาการเหล่านี้ มักจะไม่รุนแรง เนื่องจากมีภูมิคุ้มกัน ที่แข็งแรงกว่าในเด็กเล็ก

คุณแม่ต้องรู้  ทารกแรกเกิด หลังกินนมแล้วต้องทำอย่างไร

แต่ในเด็กเล็ก อาการอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับ ระบบทางเดินหายใจ ถือเป็นเรื่องวิกฤต มีความอันตรายมากที่สุด เพราะเด็กทารก ที่อายุยังไม่เกิน 3 ขวบ ยังไม่สามารถช่วยตัวเอง หรือสื่อสารกับพ่อแม่ได้ ว่า คัดจมูก หายใจไม่ออก ยิ่งในเด็กทารก ที่อายุไม่เกิน 6 เดือน ยิ่งมีความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดอาการหายใจล้มเหลว คือ หายใจติดขัด และอาจเสียชีวิตได้ ( จริงค่ะ ไม่ได้โม้ )

ที่แอดมินจะเอามาบอกกันก็คือ ถ้าลูกของคุณ โตเกิน 3 ขวบไปแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากค่ะ ทุกอย่าง อยู่ที่อาการ ว่าอาการของเค้ารุนแรงแค่ไหน บางคน อาการหนัก ก็จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล บางคน อาการไม่รุนแรงมาก ก็ไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล คำว่าอาการรุนแรง นั้นหมายถึง อาการหนัก คือ เด็ก ซึม กินอะไรไม่ได้ อันนี้ ต้องนอนโรงพยาบาลแน่นอนค่ะ และต้องให้น้ำเกลือ และรักษาตามอาการ

คุณแม่ต้องรู้  อยากรู้มั้ย? ทำไมต้องฝึกให้ ลูกกินไข่แดง ก่อนไข่ขาว? มีคำตอบค่ะ

แต่ถ้าลูกของคุณยังเล็กอยู่ อันนี้ก็ต้องป้องกันค่ะ เป็นทางเลือกเดียว ที่ดีที่สุด เพราะถ้าเป็นขึ้นมา จะมีความเสี่ยงสูงมากๆ ที่จะเกิดอันตราย และรักษาลำบากมากๆ เช่นเดียวกัน การป้องกันย่อมดีที่สุด วิธีการป้องกันนั้น ก็ไม่ยาก อย่าให้ใคร เข้าใกล้ลูก อย่าให้ใคร มาหอมแก้มลูกของเรา อย่าพาลูกของเราออกไปไหน ที่มีคนเยอะๆ เลี้ยงอยู่ในบ้าน ที่มีอากาศถ่ายเทนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว และสุดท้าย พ่อ แม่ ต้องรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง โดยเฉพาะ แม่ ต้องแข็งแรงมากๆ เพราะถ้าแม่ป่วย ติดเชื้อไวรัสขึ้นมา ลูกก็จะติดเชื้อไปด้วยแน่นอน

เชื้อ RSV ถ้าติดขึ้นมา ก็อย่าไปกังวลมากค่ะ เพราะมันก็คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง รุนแรง น้อยกว่า เชื้อมือ เท้า ปาก บางสายพันธุ์เสียอีก การสังเกตอาการของลูก หลังจากติดเชื้อ หรือป่วยจากไวรัสตัวนี้ คือสิ่งสำคัญ ถ้าลูกไม่ซึม ยังกินได้ เล่นได้ ก็ถือว่า อาการไม่หนัก ให้ทำการรักษาไปตามอาการค่ะ แต่ถ้าลูกทรุด ซึม ไม่เล่น ไม่กิน อันนี้ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันทีนะคะ จะได้รักษาอาการต่างๆ อย่างทันท่วงที