หลังจากที่แอดมิน ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะมีน้องอีกสักคน ให้กับน้องเนปจูน ได้เอาไว้เป็นเพื่อนเล่นกัน ก็ได้ซุ่มทำการบ้านมาพักใหญ่ และแล้วก็ประสบความสำเร็จ ตั้งครรภ์ เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือ การฝากครรภ์ แต่แอดมิน จะไม่ไปฝากครรภ์ที่ รพ.จุฬา แล้ว เนื่องจากได้ย้ายบ้านมาอยู่อีกที่นึงแล้ว ทำให้การเดินทางไปที่ รพ.จุฬา ไม่สะดวกเป็นอย่างมาก และอีกส่วนหนึ่งก็มาจาก ประสบการณ์ ที่ไม่ค่อยจะดี เกี่ยวกับ ประสบการณ์การคลอด ที่นั่น เพื่อความสบายใจ ก็เปลี่ยนโรงพยาบาลเลยก็แล้วกัน โดยโรงพยาบาล ที่มีอยู่ในใจก็คือ โรงพยาบาลศิริราช ค่ะ ไม่มีอะไรมาก เนื่องจาก เชื่อมั่นในชื่อเสียงค่ะ ไม่เลือกเอกชน เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ค่อนข้างจะกังวลในเรื่องของคุณภาพ และไม่สะดวกเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ ( ย้ำว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ) สำหรับราคาคลอด รพ.เอกชน นั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีจ่ายนะคะ คลอดเอง ไม่แพงอยู่แล้ว แถมเบิกประกันสังคมได้อีก จ่ายเองจริงๆ ก็คงไม่กี่บาท เพียงแต่จะมีความรู้สึกกังวลมากกว่า เกรงว่า เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมา เช่น ถ้าน้องเกิดเป็นอะไรไป ก็ต้องย้ายไป รพ.รัฐ อยู่ดี เพราะคุณสามี เป็นข้าราชการ ทำเบิกค่ารักษาพยาบาลโดยตรงได้ค่ะ ดังนั้นเพื่อคุณภาพ ความสะดวก และอื่นๆ อีกมากมาย แอดมินจึงเลือก รพ.รัฐ ดีที่สุดค่ะ คราวที่แล้ว แอดมินมา ฝากครรภ์ที่ศิริราช ไม่ทัน เพราะเป็นท้องแรก ยังไม่รู้อะไร เริ่มต้นมาก็ไปที่จุฬา ตั้งแต่แรก พอจะเปลี่ยนใจ แล้วมาที่ศิริราช ก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนนั้นที่มา ก็ท้องได้ 6 เดือนแล้ว ทาง ศิริราช เค้าก็ไม่รับค่ะ เค้าจะรับเฉพาะที่มาฝากตั้งแต่แรก อาจจะเพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์ และเพื่อที่ทาง รพ. จะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบ หากเกิดความผิดพลาดอะไร เพราะไม่ได้ตรวจครรภ์ และดูแลมาตั้งแต่ต้น ซึ่งก็เข้าใจได้ค่ะ คราวนี้แอดมิน ก็เลยไม่อยากพลาด มาที่นี่ตั้งแต่แรกเลยดีกว่า คุณสามีก็เห็นด้วยค่ะ เพราะเปรียบเทียบแล้ว ค่าใช้จ่ายก็พอๆ กัน และที่จอดรถ ที่ศิริราช น่าจะหาที่จอดได้ง่ายกว่า ( ยอมเดินไกลหน่อย ) จากที่ร่ายมาซะยาว สรุปก็คือ มา ฝากครรภ์ที่ศิริราช ค่ะ
รีวิว ฝากครรภ์ที่ศิริราช ครั้งแรก มาดูกันว่า จะเป็นยังไงกันบ้าง?
แอดมินได้โทรไปนัด และได้คิวเร็วที่สุด ก็เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ก.ค.59 ที่ผ่านมา แอดมินเลือกที่จะมาหา คลีนิกนอกเวลา ในหวันหยุดเป็นหลักค่ะ เพราะเป็นคุณแม่ทำงานประจำ หยุดงานบ่อยๆ ไม่ได้ และคิดว่า วันเสาร์ คนน่าจะน้อยหน่อย และน่าจะมีที่จอดรถมากหน่อย โดยนัดไว้ตอนประมาณเกือบเที่ยง แอดมินก็ไปกับคุณสามี ตั้งแต่ 11 โมง ก็ใช้เวลาพอสมควรค่ะ ทั้งรอเรียกคิว ทำประวัติ เจาะเลือด และสุดท้าย ก็เข้าไปหาคุณหมอ กินเวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ แต่ก็ดีอย่าง คือ ที่นี่ ไม่มีพักเที่ยงค่ะ บุคลากรที่นี่ ทำงานกันยาวๆ ค่ะ คุณหมอ คิวยาวเหมือนกัน แต่พอแอดมินต้องไปเจาะเลือด และรอนานมากๆ ( เพราะต้องกลืนแป้งด้วย ตรวจทุกอย่างเลยค่ะ ) พอกลับขึ้นมาอีกที คิวเหลือนิดเดียวแล้ว
ถ้าคนที่เคยฝากครรภ์มาก่อน ก็จะเข้าใจว่า การมาฝากครั้งแรก จะนานมากๆ เป็นธรรมดา และครั้งต่อๆ ไป จะใช้เวลาแป็บเดียว เหมือนกับการมาตรวจเช็ค พูดคุย สอบถามอาการมากกว่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็แป็บเดียว แต่สำหรับแอดมิน คราวหน้า ก็ยาวนานเหมือนกันค่ะ เพราะต้องทำการตรวจหาความเสี่ยง เนื่องจาก แอดมิน อายุ 35 ปีพอดี
ผลการตรวจออกมา แม่นยำมากๆ ค่ะ พอดีแอดมินจดวันที่ประจำเดือนมา เอาไว้ตลอด จึงทำให้การคำนวนออกมา เป๊ะมากๆ แบบนี้ กำหนดคลอด ก็น่าจะแม่นยำด้วย ตอนนี้ ทารกน้อย มีขนาด 2.6 ซม. และอายุครรภ์ ก็ 9 สัปดาห์ กับอีก 2 วัน เป๊ะๆ ค่ะ ความรู้สึกตื่นเต้น เหมือนเมื่อตอนที่ตรวจครรภ์ น้องเนปจูน กลับมาอีกครั้ง ตื่นเต้น ดีใจ และมีความสุขมากๆ ค่ะ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ แอดมิน รู้สึกดีมากๆ กับการ ฝากครรภ์ที่ศิริราช เป็นครั้งแรก เลยก็คือ มีการอัลตร้าซาวน์ เพื่อดูตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ โดยไม่มีการเชิญคุณสามี ให้ออกนอกห้องเลยค่ะ คือมีเครื่องซาวน์ และเตียง อยู่ในห้องตรวจเลยค่ะ ที่สำคัญ คุณหมอ สั่งปริ้นรูปออกมา แล้วฉีกให้คุณสามี เก็บเอาไว้เลยค่ะ ไม่ต้องใส่แฟ้ม หรืออะไรใดๆ ซึ่งแตกต่างจาก เมื่อครั้งที่แอดมิน ไปฝากท้องที่จุฬา แบบสุดๆ เลยค่ะ ประทับใจมากๆ คุณสามี รับรูปซาวน์มาแบบงงๆ ว่าคุณหมอ ให้เราเก็บไว้ได้เลยเหรอ เป็นงงกันเลยทีเดียว
ที่จุฬา ที่แอดมินไปฝากครรภ์ เมื่อปี 2557 แอดมินต้องเดินไป ซาวน์ อีกชั้นหนึ่ง ในห้องซาวน์เฉพาะ และที่สำคัญ ไม่อนุญาตให้สามี เข้าไปด้วยนะคะ มาอนุญาตตอน ทารกในครรภ์ มีอายุ 7 เดือน ถึงได้อนุญาตให้สามีเข้าไปได้ ส่วนรูปของตัวอ่อน ที่เริ่มพัฒนาการ จนตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนคลอดนั้น ถูกเก็บใส่แฟ้ม และสุดท้าย ทาง รพ. ก็เก็บเอาไป ทาง แอดมิน ก็ไม่รู้ นึกว่าสุดท้าย ทาง รพ. เค้าจะให้ ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ สรุปคือ แอดมิน ไม่มีรูปซาวน์ ของน้องเนปจูนเลยแม้แต่รูปเดียวค่ะ ทาง จุฬา เค้าเก็บเอาไว้หมด และแอดมิน ก็ยังไม่ได้ไปเอาคืนเลยค่ะ
ที่ศิริราช แม้จะมีคนไข้ ที่มาฝากครรภ์ เป็นจำนวนมาก และอาจจะมีความล่าช้าบ้าง แต่ก็ไม่มาก ที่จะช้าจริงๆ ก็เห็นจะเป็นตรงห้องจ่ายยานี่แหละค่ะ ที่ต้องรอนานถึง 45 นาที รอแค่ยาโฟลิก และยาแก้เวียนหัว ใช้เวลาในการรอ นานถึง 45 นาทีจริงๆ แต่ทางห้องจ่ายเงิน เค้าก็ประกาศบอกแล้วนะคะ ว่ามันจะนาน ก็ไม่รู้ว่า สาเหตุมาจากอะไรเหมือนกัน แอดมิน ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนค่ะ เดินไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก่อน แล้วค่อยมาใหม่ สบายๆ ค่ะ เพราะเป็นวันหยุด ทำใจเอาไว้อยู่แล้ว ว่าฝากครรภ์ ครั้งแรก มันต้องนานแบบนี้นั่นแหละ
การฝากครรภ์ ที่ รพ.รัฐ ต้องทำใจ ในเรื่องของเวลาค่ะ จะไปเร่งให้รีบตรวจ รีบจ่ายเงิน คงไม่ได้ อย่างวันนี้ ก็ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง 30 นาที เวลาตรวจจริงๆ ประมาณ 10 นาที ไม่เกินนี้ แต่ที่ช้าก็เพราะว่า เป็นการไปตรวจฝากครรภ์ ครั้งที่ 1 ซึ่งต้องมีการ เจาะเลือด ด้วยค่ะ เลยทำให้ช้าบ้าง ก็ต้องทำใจนะคะ ครั้งต่อๆ ไป เร็วแน่นอนค่ะ
สำหรับครั้งต่อไป ที่ต้องเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจหา ความบกพร่องของทารก เนื่องจากคุณแม่ มีอายุ 35 ปี คุณหมอ ว่าจะให้เจาะน้ำคร่ำ แต่ทางคุณสามี ก็คุยกับคุณหมอว่า มีระบบ Test พวก NIFTY อะไรแบบนี้ไหม ซึ่งคุณหมอบอกว่า ปัจจุบัน ทางศิริราช มีวิธีตรวจให้ ครบถ้วนแล้วนะคะ คือสามารถเลือกเจาะเลือดตรวจเพื่อคัดกรองก่อนได้ อย่างที่แอดมิน ได้เขียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ NIFTY หรือ Panorama ทาง ศิริราช ก็มีหมดค่ะ เพื่อเป็นทางเลือก ก่อนที่จะต้องเจาะน้ำคร่ำ ได้ยินคุณหมอ บอกแบบนี้แล้วก็สบายใจค่ะ เพราะตอนแรก ที่หาข้อมูลจากในเน็ต เห็นมีแต่คนบอกว่า NIFTY มีที่จุฬา ที่เดียวเท่านั้น นึกว่าจะต้องกลับไปอีกซะแล้ว การตรวจเลือดเพื่อดูความผิดปกติของโครโมโซมแบบนี้ แม้จะต้องจ่ายประมาณ 2 หมื่นบาท ก็ยอมค่ะ ดีกว่าต้องไปเจาะน้ำคร่ำ ให้เจ็บ ขอคัดกรองก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าดูแล้วมีความเสี่ยง ค่อยเจาะอีกทีก็ยังไม่สายเกินไปค่ะ
และนี่ก็คือประสบการณ์ครั้งแรก ของการมา ฝากครรภ์ที่ศิริราช ค่ะ โอเคมากๆ เลย ชอบๆ ค่ะ คุณหมอน่ารัก ใจดีมากๆ แม้จะเป็นหมอผู้ชาย แต่ก็โอเคมากๆ เลยค่ะ เดี๋ยวถ้าไปตรวจครั้งที่ 2 แล้ว จะนำมารีวิว ให้อ่านกันนะคะ เพื่อที่ คุณแม่มือใหม่ ทุกท่าน จะได้มีข้อมูล จากประสบการณ์ตรงของแอดมินเอง เอาไว้ศึกษา และช่วยในการตัดสินใจค่ะ
